ปัจจุบันรูปแบบวิธีการเลี้ยงและจุดประสงค์ในการเลี้ยงได้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา มีการเพิ่มการจัดการฟาร์ม การปรับปรุงพันธุ์เข้ามาผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่นได้อย่างลงตัว เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและลดปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาในการเลี้ยงดู ภายใต้เงื่อนไขปัจจัยที่มีอยู่อย่างจำกัด ทั้งด้านที่ดิน แรงงาน อาหาร และเงินทุน ในที่นี้ผู้เขียนใคร่ขอนำเสนอข้อมูลเกร็ดความรู้และการจัดการฟาร์มโคเนื้อเบื้องต้น เพื่อที่พี่น้องชาวโคบาลจะสามารถนำไปจัดการประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมและพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยอ้างอิงจากหลักวิชาการกอปรกับคำอธิบายที่เข้าใจง่ายที่สุดตามประสาคนเลี้ยงวัว
การเลี้ยงโคในต่างประเทศนั้นได้พัฒนาล้ำหน้าบ้านเราไปมากแล้ว ทั้งด้านการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ วิทยาการเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มีจุดประสงค์เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมเนื้อที่เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นหลัก ด้วยข้อได้เปรียบทางด้านพื้นที่ในการเลี้ยงที่มีอยู่อย่างมหาศาล ทำให้มีต้นทุนในการผลิตต่ำและได้ผลตอบแทนสูง ตรงกันข้ามกับบ้านเราที่มีพื้นที่ในการเลี้ยงที่จำกัดและวัตถุดิบในการเลี้ยงสัตว์ที่หายากและมีราคาสูงขึ้นทุกวัน เกษตรอย่างเราๆ ก็ควรเลือกรูปแบบและวิธีการเลี้ยงให้เหมาะสมกับกำลังความสามรถของตนเองเป็นสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุน โดยจะแบ่งรูปแบบการเลี้ยงโคตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ดังนี้
ผู้เลี้ยงโคพ่อ แม่พันธุ์ในสมัยนี้ไม่จำเป็นจะต้องใช้พื้นที่มากมายเหมือนในอดีต ต้นทุนจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับการจัดการฟาร์ม ทั้งด้านอาหาร แปลงหญ้า สุขภาพสัตว์ และจุดมุ่งหมายในการเลี้ยงเป็นหลัก การเลี้ยงต้องใช้ระยะเวลา 2-5 ปี (เงินเย็น) ถึงจะคืนทุน โดยจะแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย 2 กลุ่ม คือ ผู้เลี้ยงโคพันธุ์แท้คุณภาพดี ส่วนใหญ่จะเลี้ยงพันธุ์แท้หรือสายประกวดเป็นหลัก โดยเน้นหนักไปที่ฝูงแม่พันธุ์อาจจะมี 10 – 20 ตัว น้อยหรือมากกว่านั้นก็ได้แล้วใช้น้ำเชื้อจากพ่อพันธุ์ชั้นดีมาผสมเทียม เพื่อผลิตลูกโคพันธุ์แท้ออกสู่ตลาด บางทีอาจจะเลี้ยงพ่อพันธุ์ไว้สำหรับขึ้นผสมจริงหรือผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งเพื่อจำหน่ายด้วยก็ได้ ซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายต้องมีเงินทุนพอสมควรเพราะว่าโคในกลุ่มนี้มีราคาค่อนข้างแพง เพื่อความสบายใจและป้องกันการถูกย้อมวัวขาย ในการซื้อ ขายทุกครั้งควรขอใบผสมเทียมหรือใบพันธุ์ประวัติที่มีหน่วยงานรัฐหรือสมาคมของโคพันธุ์นั้นๆ รับรองมาด้วยเสมอ